โซลูชั่น AI-Powered Face Recognition คืออะไร ช่วยธุรกิจในปัจจุบันได้อย่างไรบ้าง? | AI GEN
BLOG - โซลูชั่น AI-Powered Face Recognition คืออะไร ช่วยธุรกิจในปัจจุบันได้อย่างไรบ้าง? | AI GEN

โซลูชั่น AI-Powered Face Recognition คืออะไร ช่วยธุรกิจในปัจจุบันได้อย่างไรบ้าง?

26 ต.ค. 2564 21:40 น.

หลายท่านอาจจะเคยได้ยินเรื่องเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า หรือ Face recognition กันมาบ้าง หรืออาจจะได้ประสบพบเจอกับเทคโนโลยีนี้ในชีวิตประจำวัน เช่น เมื่อคุณโพสต์รูปบนเฟสบุค เฟสบุคจะทำการแท็กคนที่อยู่ในรูปโดยอัตโนมัติ หรือเครื่องวัดอุณหภูมิโดยการแสกนใบหน้าก็สามารถพบเจอได้ในแทบทุกสถานที่สาธารณะ รวมถึงในภาคธุรกิจ หรือแม้กระทั่งภาครัฐเองได้มีการนำเทคโนโลยี Face recognition มาใช้งานเช่นกันในการยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรกรรมต่างๆ หรือเพื่อรับสิทธิประโยชน์ที่ภาครัฐมีให้กับประชาชน

อย่างไรก็ตามเมื่อคุณค้นพบว่าเทคโนโลยี Facial Recognition หรือเทคโนโลยีจดจำใบหน้าสามารถติดตามคุณได้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตในขณะที่คุณกำลังเดินอยู่บนถนนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งอาจจะทำให้มีคำถามในเรื่องของการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ซึ่งเหมือนกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ๆโดยทั่วไปที่มีทั้งข้อดี และข้อเสียในการนำมาใช้งาน 

ในปัจจุบันเทคโนโลยี Facial Recognition ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วโลก ตั้งแต่การปลดล็อกสมาร์ทโฟน การสแกนใบหน้าเพื่อเข้าออฟฟิซ หรือแม้กระทั่งการยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมต่างๆ ต่างก็ใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าทั้งสิ้น และเพื่อทำให้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าสามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติทั้งหมด จึงทำให้เทคโนโลยี AI และ Machine learning เข้ามามีบทบาทสำคัญ

วันนี้ AI GEN จะพามาทำความรู้จักโซลูชั่น AI-Powered Face Recognition กันให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ธุรกิจได้สามารถนำไปปรับใช้ สร้างความแตกต่าง และเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น

เทคโนโลยี Face Recognition คืออะไร

4-8.png (1.87 MB)ภาพประกอบ : Canva

เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า หรือ Facial Recognition คือการนำเทคโนโลยี Biometrics มาใช้ในการแยกแยะลักษณะต่างๆบนใบหน้าของมนุษย์เพื่อใช้ในการระบุตัวตนของบุคคลนั้นๆ โดยมีผลวิจัยจาก Allied Market Research ได้คาดการณ์ว่าตลาดของเทคโนโลยี Facial Recognition จะมีมูลค่าเติบโตถึง 9,600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2022 นี้ โดยในปัจจุบันเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าถูกนำมาใช้ในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การปลดล็อก การผ่านด่านตรวจความปลอดภัยที่สนามบิน การซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต และในกรณีของการให้ความบันเทิง นักร้องชื่อดังอย่าง Taylor Swift ได้นำเทคโนโลยี Face Recognition มาช่วยติดตามว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีได้มาที่ประตูคอนเสิร์ต Rose Bowl ของเธอหรือไม่ 

โดยทั่ววิธีการทำงานของเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับอัลกอริทึ่มของแต่ละเจ้าเอง แต่โดยทั่วไปสามารถจัดลำดับขั้นตอนการทำงานได้เป็น 3 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

1.การตรวจจับใบหน้า (Detection) 

เป็นกระบวนการค้นหาใบหน้าบนรูปถ่ายต่างๆ ถ้าคุณเคยใช้กล้องที่สามารถตรวจจับใบหน้าได้ และขึ้นเป็นรูปกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆขึ้นมาตรงใบหน้าเมื่อใช้โหมด Auto-focus คุณจะได้เห็นถึงกระบวนการทำงานของจริงของขั้นตอนนี้ ในขั้นตอนนี้ไม่ได้เป็นการกระทำที่เลวร้าย หรือผิดกฎหมาย เนื่องจากการตรวจจับใบหน้าเป็นเพียงการค้นหาใบหน้าเท่านั้น ไม่ได้มีการระบุตัวตนว่าบุคคลนั้นเป็นใคร

2.การวิเคราะห์ หรือสิ่งบ่งชี้ (Analysis หรือ Attribution)

เป็นขั้นตอนการร่างใบหน้า ซึ่งปกติจะทำโดยการวัดระยะห่างระหว่างดวงตา รูปร่างของคาง ระยะห่างระหว่างจมูกจนถึงปาก และหลังจากนั้นจะทำการเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ให้เป็นตัวเลข หรือจุดต่างๆ มักจะเรียกขั้นตอนนี้ว่า “Faceprint” หรือการสร้างโมเดลอ้างอิง

3.การจำแนกใบหน้า (Recognition)

เป็นการหาวิธีที่จะยืนยันว่าบุคคลในรูปนี้คือใคร กระบวนการนี้ได้ใช้ในการขั้นตอนการยืนยันตัวตน เช่นฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ หรือเป็นการระบุตัวตนที่ใช้เป็นวิธีในการตอบคำถาม บุคคลในรูปนี้คือใคร? นั่นเอง

เพิ่มศักยภาพให้กับเทคโนโลยี Face recognition ด้วย AI

3-14.png (1.53 MB)ภาพประกอบ : Canva

ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI และ Machine learning สามารถที่จะทำความเข้าใจความแตกต่างของลักษณะต่างๆบนใบหน้าได้โดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ หลังจากนั้นระบบจะมองหาแพทเทิร์นในข้อมูลรูปภาพที่มีอยู่ และเปรียบเทียบรูป และวิดีโอที่ได้มาใหม่กับข้อมูลเดิมที่ถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล เพื่อที่จะสามารถระบุตัวตนของแต่ละบุคคลได้ ทำให้การจำแนก แยกแยะใบหน้า และการยืนยันตัวตนสามารถทำได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็วเป็นหลักวินาที จากการเทรนโมเดล AI ให้อ่านใบหน้าคนมาหลากหลายรูปแบบ รวมถึงสามารถทำงานได้ในรูปแบบอัตโนมัติทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องใช้คน หรือพนักงานในการยืนยันตัวตน ทำให้รองรับปริมาณการทำธุรกรรมพร้อมๆกันเป็นจำนวนมากได้ ถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของโซลูชั่น AI-Powered Face Recognition 

โดยโซลูชั่น AI-Powered Face Recognition Solution คือโซลูชั่นในการตรวจสอบ และระบุใบหน้าของบุคคลได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ ด้วยอัลกอริทึ่มของ Machine Learning ที่ได้รับการเทรนให้สามารถอ่านใบหน้าของบุคคลได้อย่างหลากหลาย ตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องมีการยืนยันตัวตันเพื่อทำธุรกรรมต่างๆผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้สามารถให้ลูกค้าสามารถสมัครใช้บริการของธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงยกระดับประสบการณ์การให้บริการลูกค้าให้แตกต่างจากเจ้าอื่นๆในอุตสาหกรรมอีกด้วย

โซลูชั่น AI-Powered Face Recognition Solution ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจ ทำให้ธุรกิจสามารถให้บริการลูกค้าสะดวก และรวดเร็วได้มากยิ่งขึ้น โดยทำให้ลูกค้าสามารถสมัครเข้ามาใช้บริการต่างๆของธุรกิจ รวมถึงทำธุรกรรมต่างๆผ่านระบบออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง ช่วยประหยัดเวลา และจำนวนพนักงานในการให้บริการ ทำให้พนักงานมีเวลาในการที่จะให้บริการกับลูกค้าที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษได้มากยิ่งขึ้น

AI-Powered Face Recognition (655 x 180 px) (1).png (67 KB)

ตัวอย่างรูปแบบการใช้งานโซลูชั่น AI-Powered Face Recognition ของธุรกิจประเภทต่างๆ

โซลูชั่น AI-Powered Face Recognition สามารถประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจหลากหลายประเภทตั้งแต่ธุรกิจการเงิน และธนาคาร ธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจประกัน และอื่นๆ ที่ต้องยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงประหยัดเวลา และจำนวนพนักงาน ทำให้พนักงานมีเวลาที่จะทำงานอื่นๆมากขึ้น

1.ธุรกิจการเงิน และธนาคาร 

5-8.png (1.19 MB)

ภาพประกอบ : Canva

การทำความรู้จักลูกค้า : ลูกค้าสามารถสมัครใช้บริการต่างของสถาบันการเงินได้ผ่านเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน โดยลูกค้าสามารถทำการระบุ และยืนยันตัวตนได้ด้วยตนเองผ่านทางระบบ AI-Powered Face Recognition และ AI-Powered e-KYC Solution โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา ช่วยประหยัดเวลา และสร้างความประทับใจให้ลูกค้าในการใช้บริการ 

2.ธุรกิจค้าปลีก

6-11.png (1.20 MB)

ภาพประกอบ : Canva

ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM : Customer Relationship Management) : ทำให้ทราบว่าลูกค้าคนไหนเดินกลับมาที่แต่ละร้าน หรือแต่ละห้างเป็นจำนวนเท่าไหร่ในแต่ละวัน และเมื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประกอบกับข้อมูล CRM ที่มีอยู่ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เป็นไปอย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

นับจำนวนลูกค้าเข้าออกในแต่ละวัน : ทำให้ได้ข้อมูล Insight ว่าในแต่ละวันลูกค้าที่เข้ามาเดินในห้างสรรพสินค้ามีจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงสามารถระบุถึงลักษณะต่างๆในเบื้องต้นได้ เช่น เพศ ประเทศ เป็นต้น 

การตรวจจับขโมยที่เข้ามาในห้าง หรือร้านสะดวกซื้อต่างๆ : ในธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ระบบ AI-Power Face Recognition ในการตรวจจับขโมยได้ เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้กับตัวห้างสรรพสินค้า และลูกค้าที่มาใช้บริการ

3.ภาครัฐ 

7-8.png (1.15 MB)

ภาพประกอบ : Canva

การยืนยันรับสิทธิประโยชน์ต่างๆจากภาครัฐ : ประชาชนสามารถยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์ต่างๆจากภาครัฐได้ด้วยตนเองผ่านทางแอพลิเคชันได้โดยผ่านระบบ AI-Powered Face Recognition และ AI-Powered e-KYC Solution 

4.ธุรกิจอื่นๆ

2-14.png (930 KB)ภาพประกอบ : Canva

การตรวจสอบการเข้ามาทำงานในแต่ละวันของพนักงาน : ลดการสัมผัสจากการใช้นิ้วมือ หรือบัตรพนักงาน โดยการใช้การสแกนใบหน้าเพื่อเช็คการเข้างานของพนักงานในแต่ละวันได้

การเข้าใช้งานระบบต่างๆขององค์กร : เพื่อป้องกันผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาใช้งานระบบภายในองค์กร การปลอดล็อคด้วยใบหน้าจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยป้องกันปัญหานี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้ เนื่องจากลักษณะเฉพาะบนใบหน้าไม่สามารถขโมยกันได้

ประโยชน์ของ AI-Power Face Recognition ที่มีต่อธุรกิจ

9-5.png (1.11 MB)ภาพประกอบ : Canva

โซลูชั่น AI-Powered Face Recognition มีประโยชน์กับธุรกิจในหลากหลายด้าน หากธุรกิจไหนกำลังวางแผน หรือมีการทำ Digital Transformation โดยเฉพาะในเรื่องของ Process Transformation แล้วนั้น การนำโซลูชั่น AI-Powered Face Recognition เข้ามาใช้กับกระบวนการทำธุรกิจ จะช่วยทำให้กระบวนการทำงาน รวมถึงขั้นตอนการให้บริการเป็นแบบอัตโนมัติมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าสามารถให้บริการตัวเองได้ (Self-service) ผ่านทางแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ขององค์กร เพิ่มความรวดเร็วในการให้ลูกค้ามาใช้บริการ พร้อมสร้างความประทับใจด้วยบริการที่สะดวก และรวดเร็ว อีกทั้งยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมต่างๆด้วยการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าที่ไม่มีใครสามารถขโมยลักษณะเฉพาะนี้ไปได้ โซลูชั่น AI-Powered Face Recognition ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆดังต่อไปนี้ 

1.ยกระดับเรื่องความปลอดภัย

เริ่มจากเรื่องแรก คือการตรวจตราความปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยี Facial Recognition ทำให้การติดตามเรื่องขโมย การลักทรัพย์ รวมทั้งผู้บุกรุกต่างๆสามารถทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และเมื่อพูดถึงในระดับประเทศ ระบบ Facial Recognition สามารถช่วยระบุตัวตนของผู้ก่อการร้าย หรือผู้ทำผิดกฎหมายอื่นๆเพียงใช้แค่การสแกนใบหน้าเท่านั้น นอกจากนั้นประโยชน์ที่ได้เพิ่มเติมคือไม่สามารถมีใครสามารถแฮ็กเทคโนโลยีนี้ได้ เนื่องจากไม่มีข้อมูลอะไรที่สามารถขโมยไปได้ เนื่องจากใบหน้าเป็นลักษณะเฉพาะบุคคล ไม่เหมือนกับข้อมูล Password ที่สามารถถูกขโมย หรือแฮ็กได้ รวมทั้งยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมต่างๆบนอินเตอร์เน็ตอีกด้วย

2.ประหยัดเวลา และบุคลากรที่ต้องใช้ขั้นตอนการยืนยันตัวตน

ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI และ Machine learning ทำให้กระบวนการในการจำแนกใบหน้านั้นใช้เวลาแค่หลักวินาที หรือน้อยกว่านั้น หรือเรียกได้ว่าสามารถประมวลผลได้แบบทันที มีความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงในการยืนยันตัวตน และมากไปกว่านั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะสามารถหลอกระบบได้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งประโยชน์ที่สำคัญของเทคโนโลยี Facial Recognition ซึ่งถือเป็นประโยชน์หลักที่ธุรกิจจะได้รับจากการนำเทคโนโลยี Facial Recognition มาปรับใช้ รวมถึงประหยัดบุคลากรที่เดิมต้องใช้ในการยืนยันตัวตน ทำให้พนักงานมีเวลาไปโฟกัสในงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น 

3.เชื่อมต่อกับระบบอื่นๆได้อย่างง่ายดาย

ข้อนี้ถือเป็นประโยชน์ที่สำคัญที่สุดสำหรับบริษัท เนื่องจากโซลูชั่น AI-Powered Face Recognition นั้นสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆได้ง่าย จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับองค์กรต่างๆ และยังไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติมในการเชื่อมต่อระบบ นอกจากนั้นระบบ Facial Recognition นั้นได้ถูกออกแบบมาให้สามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆได้อยู่แล้ว

4.การระบุตัวตนได้แบบอัตโนมัติ

แต่เดิมนั้นพนักงานรักษาความปลอดภัยต้องใช้ความสามารถในการจดจำใบหน้า เพื่อที่จะสามารถระบุตัวตนของแต่ละบุคคลได้ ซึ่งแน่นอนว่าความจำของมนุษย์นั้นมีจำกัด และต้องใช้เวลาในการจดจำ ซึ่งส่งผลต่อความแม่นยำที่อาจจะไม่ได้มีมากนัก แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยี Facial Recognition สามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วยตัวระบบเองในกระบวนการการยืนยันตัวตน และไม่เพียงแต่ใช้เวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น ยังมีความแม่นยำสูงอีกด้วย

5.สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าด้วยบริการที่สะดวก และรวดเร็ว

เนื่องจากลูกค้าสามารถใช้บริการของธุรกิจต่างๆได้ด้วยตัวเอง (Self-Service) ผ่านทางเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเดินทางมาทำธุรกรรมตามสถานที่ต่างๆ ช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่ได้ใช้บริการ รวมทั้งในแง่ของธุรกิจเองก็สามารถทำให้ลูกค้ามาใช้บริการต่างๆได้ง่ายมากขึ้น เพิ่มรายได้ให้กับองค์กร

สรุป

การนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจในยุคปัจจุบัน เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตอบรับกับการทำธุรกรรมออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งยังชอบบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวก และรวดเร็ว และทำให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัลให้ทัน ดังนั้นการทำความเข้าใจในกระบวนการทำงานของธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และทำให้สามารถเลือกเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

 

บทความอื่น

AI คืออะไร

อ่านต่อ

รวม 8 รูปแบบของเทคโนโลยี AI ที่นิยมนำมาใช้กับการพัฒนา Mobile Application

อ่านต่อ

5 ตัวอย่างการใช้งานเทคโนโลยี AI แบบผิดๆ ในภาคธุรกิจ

 

อ่านต่อ

This website uses cookies

We use cookies to improve user experience, personalize ads, and analyze our traffic. We also share information about your use of our site with our social media, advertising and analytics partners.