เทคโนโลยี AI นำไปใช้ในแต่ละหน้าที่งานของธุรกิจได้อย่างไรบ้าง? | AI GEN
BLOG - เทคโนโลยี AI นำไปใช้ในแต่ละหน้าที่งานของธุรกิจได้อย่างไรบ้าง? | AI GEN

เทคโนโลยี AI นำไปใช้ในแต่ละหน้าที่งานของธุรกิจได้อย่างไรบ้าง?

11 ต.ค. 2564 02:24 น.

การรับรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์นั้นได้เปลี่ยนแปลงไปมาก จากการพัฒนาของตัวเทคโนโลยีเอง และการที่ AI ได้เข้ามาแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น (บางครั้งคนจะจำ AI ได้จาก Alexa!) อย่างไรก็ดีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ได้รับความนิยม และการยอมรับจากผู้ใช้งานหรือสังคมได้ยังไม่นานมากนัก เมื่อย้อนกลับไปเทคโนโลยี AI ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันได้ถูกเริ่มต้นพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ.1956 หรือปีพ.ศ.2499 ต้องใช้เวลากว่าหลายทศวรรษในการที่นักวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมทางด้านคอมพิวเตอร์ต้องทำงานหนักเพื่อที่จะพัฒนาระบบ และทำให้เทคโนโลยี AI เป็นจริงขึ้นมาได้

Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์คืออะไร

Blog_Business function.png (150 KB)

ภาพประกอบ : Canva

ก่อนที่จะทราบถึงว่าเทคโนโลยี AI ส่งผลกระทบอย่างไรกับธุรกิจ เราจำเป็นต้องรู้ถึงความหมายของเทคโนโลยี AI กันเสียก่อน เพื่อให้เข้าใจเทคโนโลยีนี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น Artificial Intelligence หรือ ปัญญาประดิษฐ์คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเลียนแบบการทำกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเรียนรู้ การวางแผน และการแก้ไขปัญหา โดยทั่วไปแล้ว AI จะเป็นส่วนเติมเต็มของความสามารถในการคิด และเรียนรู้ของมนุษย์ รวมถึงความเฉลียวฉลาดมากกว่าที่จะมาทดแทนมนุษย์

ในปัจจุบันเทคโนโลยี AI ยังไม่สามารถทำหน้าที่ที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสได้ แต่มีความสามารถในการประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วกว่าสมองของมนุษย์ เมื่อผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ AI กลับมา ซอฟต์แวร์ AI จะสามารถบอกได้ถึงสาเหตุของการกระทำนั้นๆ และนำเสนอให้กับผู้ใช้งานทราบได้

ดังนั้นมนุษย์สามารถนำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการตัดสินถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ และมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจได้ เทคโนโลยี AI สามารถที่จะเรียนรู้ และจัดการกับข้อมูลจำนวนมากได้ซึ่งจะช่วยยกระดับ และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานในหลากหลายหน้าที่การทำงานของธุรกิจ

เพื่อที่จะทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับรู้ เรียนรู้ เข้าใจ และแสดงออกได้เหมือนกับมนุษย์ผ่านทางเทคโนโลยี AI จำเป็นต้องใช้หลากหลายเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน

เทคโนโลยี AI มาเปลี่ยนแปลงการทำธุรกิจอย่างไร?

ธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจธนาคาร จนถึงธุรกิจค้าปลีกได้มีการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้งานในการทำงานในแต่ละฟังก์ชั่นของธุรกิจ มาดูกันว่า AI จะเปลี่ยนแปลงโลกของธุรกิจกันอย่างไรบ้าง

1.การตลาด (Marketing)

1-11.png (135 KB)ภาพประกอบ : Canva

คนที่ทำงานด้านการตลาดอาจจะมีได้ใช้งานเทคโนโลยี AI กันบ้างแล้วในหลากหลายวิธี เช่น ใช้ในการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด รวมถึงนำกลยุทธ์นั้นไปดำเนินการตามความต้องการ และความชอบของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ประวัติการใช้งานเว็บไซต์ และข้อมูลลูกค้าที่องค์กรได้มีการเก็บข้อมูลไว้สามารถนำไปใช้ในการทำโฆษณาเฉพาะกลุ่มในช่องทางออนไลน์ได้

ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่สำคัญที่ธุรกิจสามารถให้บริการลูกค้าได้ในเวลาที่ลูกค้าต้องการ การนำแชทบอทเข้ามาใช้เป็นอีกหนึ่งวิธีในการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการทำการตลาด แชทบอทสามารถช่วยแก้ไขปัญหา ให้บริการลูกค้า และช่วยสนับสนุนเรื่องการขายได้ 

การวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าจากข้อมูลที่มีอยู่ ทำให้เครื่องมือ AI สามารถช่วยในการทำวิจัยทางการตลาดได้ และด้วยข้อมูลเชิงลึกที่ได้จะช่วยทำให้ธุรกิจสามารถประเมินความสำเร็จของแคมเปญทางการตลาดได้ และพัฒนาแคมเปญที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นได้ในอนาคต 

AI ที่ใช้สำหรับการทำการตลาดรวมถึงระบบ recommendation การสร้างสรรค์คอนเทนต์ และสิ่งอื่นๆ ได้แก่

  • การจำแนกรูปแบบ และรูปภาพสำหรับการแสดงคอนเทนต์บน Newsfeed แบบรายบุคคล
  • การจำแนกภาษาของลูกค้า และคนที่จะมีแนวโน้มว่าจะเป็นลูกค้าเพื่อนำมาใช้ในการประมวลผลแบบ Unstructured data
  • การประมูลราคาแบบเรียลไทม์ และการจัดกลุ่มลูกค้า (Customer segmentation) สำหรับการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของโฆษณา และการทำให้โฆษณาได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด
  • การวิเคราะห์ความรู้สึก
  • การบริการลูกค้าแบบคาดการณ์ล่วงหน้าในการออกแบบเว็บอัตโนมัติ

ตัวอย่างด้านบนเป็นเพียงไม่กี่ตัวอย่างที่ธุรกิจได้นำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ในปัจจุบัน มีอีกหลายอย่างที่จะสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจในอนาคตได้ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว

2.การขาย

2-10.png (166 KB)

ภาพประกอบ : Canva

อย่างไรก็ตาม ระบบ AI สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่คนทำงานต้องการได้ และเมื่อนำข้อมูลไปใช้อย่างถูกต้อง และเหมาะสมทำให้ช่วยงานทางด้านการขายได้อย่างมาก เช่นเดียวกับการคาดการณ์เทรนด์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้น และคาดการณ์ถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ 

การใช้เทคโนโลยี AI เพื่อทำให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เครื่องมือในเรื่องการขายยังช่วยพัฒนาเรื่องการสื่อสาร และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานอีกด้วย ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่การขายสามารถบริหารเวลาของตัวเองได้ดีขึ้น โดยสามารถระบุได้ว่าลูกค้ารายไหนที่ควรจะต้องติดตาม และต้องติดตามเมื่อไหร่ รวมถึงเมื่อไหร่ที่จะสามารถปิดการขายลูกค้ารายนั้นๆได้

3.การวิจัย และการพัฒนา 

3-12.png (180 KB)ภาพประกอบ : Canva

หากใครที่ทำงานเกี่ยวข้องกับด้านการวิจัย และพัฒนาจะรู้ว่าเทคโนโลยี AI สามารถช่วยงานของพวกเข้าได้มากเลยทีเดียว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และลดความผิดพลาดให้กับกระบวนการวิจัย ด้วยความสามารถที่สามารถเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแม่นยำ ทำให้เราสามารถมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในแทบทุกอุตสาหกรรม รวมไปถึงอุตสาหกรรมสุขภาพ และความงาม อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมการเงิน อุตสาหกรรมนถยนต์ และอื่นๆ

เทคโนโลยี Machine learning และ AI ช่วยมนุษย์ในการแก้ไขปัญหาที่ไม่เคยคิดว่าจะแก้ได้มาก่อน  นอกจากนั้นเทคโนโลยี AI ยังช่วยนำไปสู่การค้นพบสิ่งใหม่ๆ และหนทางใหม่ที่จะพัฒนาสินค้า และบริการใหม่ๆ รวมถึงการทำหน้าที่นั้นให้สำเร็จได้แบบอัตโนมัติ หากกล่าวถึงในแง่ของกลยุทธ์ และประสิทธิภาพแล้วนั้น เทคโนโลยี AI สามารถช่วยในส่วนงานของการวิจัย และพัฒนาได้มากเลยทีเดียว

4.การจัดการด้าน IT 

4-7.png (203 KB)ภาพประกอบ : Canva

เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องแรกๆในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ภายในองค์กร Gartners ได้กล่าวว่าเทคโนโลยี Machine learning และ Data science จะถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหาทางด้าน IT 

การทำให้กระบวนการทำงานที่ต้องทำแบบซ้ำๆสามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติเป็นไปได้ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI จึงทำให้ทีม IT สามารถประเมินปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และสามารถป้องกันปัญหานั้นไม่ให้เกิดขึ้นได้ล่วงหน้า เนื่องจากการสนับสนุนทางด้าน IT มีความซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน เทคโนโลยี AI ได้เข้ามาช่วยพัฒนาความสามารถของระบบ และบริการให้ดียิ่งขึ้น

5.การบริหารทรัพยากรบุคคล

9-4.png (134 KB)

ภาพประกอบ : Canva

เริ่มตั้งแต่การสรรบุคลากรจนถึงการบริหารทรัพยากรบุคคล เทคโนโลยี AI มีความสามารถที่จะปฏิวัติกระบวนการทำงานของการบริหารทรัพยากรบุคคลได้ การทำหน้าที่ที่ต้องทำแบบซ้ำๆได้แบบอัตโนมัติสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรได้ แต่ AI มีความสามารถมากไปกว่านั้นอีก ตัวอย่างเช่น บริษัท เป๊ปซี่โค จำกัด(มหาชน) ได้ใช้หุ่นยนต์ที่ชื่อ Vera ในการสัมภาษณ์ผู้สมัครในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การขายผ่านทางโทรศัพท์

และเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับพนักงาน พนักงานย่อมคาดหวังประสบการณ์ที่จะได้รับจากบริษัทที่เหมาะกับแต่ละคนเหมือนกับเวลาที่เราไปซื้อของ หรือช้อปปิ้ง เราก็คาดหวังให้พนักงานแนะนำสินค้า หรือบริการที่เหมาะกับเราโดยเฉพาะ โซลูชั่น AI และ Machine Learning สามารถช่วยให้ทีม HR บรรลุวัตถุประสงค์เรื่องนี้ได้

แผนกทรัพยากรบุคคลสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ในการนำมาจัดการ และวิเคราะห์ข้อมูลได้ และทำให้การคัดเลือกผู้สมัครที่สมัครเข้ามาเป็นจำนวนมากเป็นเรื่องที่ง่าย และประหยัดเวลาในการคัดเลือกผู้สมัครที่เหมาะสมได้มากขึ้น รวมถึงการตอบคำถามพนักงานเกี่ยวกับนโยบายบริษัท และสวัสดิการต่างๆ แชทบอทสามารถเข้ามาช่วยตอบคำถามได้แบบอัตโนมัติ

6.การให้บริการลูกค้า

5-7.png (115 KB)ภาพประกอบ : Canva

อีกหนึ่งฟังก์ชั่นในธุรกิจที่ได้มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คือศูนย์ให้บริการลูกค้า การนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในการให้บริการลูกค้าแบบถูกวิธีคือนำไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้ามากกว่านำ AI ไปใช้ทดแทนคน โดยระบบ AI จะสามารถคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้ พร้อมทั้งพัฒนา “การกระทำที่ดีที่สุดในขั้นตอนถัดไป” ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ช่วยยกระดับความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนั้นเทคโนโลยี Machine learning ยังสามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทางศูนย์บริการลูกค้าเป็นคนรับข้อมูลมาจากลูกค้า เพื่อที่จะค้นหาความต้องการของลูกค้า และนำไปพัฒนาเป็นสินค้า และบริการใหม่ๆได้

1-6.png (127 KB)

7.การดูแลรักษาตึก

6-8.png (212 KB)ภาพประกอบ : Canva

เทคโนโลยี AI ถูกนำไปใช้ในหลากหลายรูปแบบ การทำให้การทำงานของตึกเป็นแบบอัตโนมัติ (Building Automation) ไม่ได้เป็นคอนเซปใหม่ คอนเซปนี้ได้ถูกนำไปใช้ในอาคารที่พักอาศัย และอาคารสำนักงานในหลายๆโปรเจค ผู้ที่อยู่ในวงการการก่อสร้างสามารถนำระบบ AI ไปใช้ในการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงอำนวยความสะดวกให้กับผู้พักอาศัย ซึ่งเป็นอีกรูปแบบของ AI ที่ถูกนำมาใช้ในปัจจุบัน รวมถึงเรื่อง IoT (Internet of Things) และระบบรักษาความปลอดภัยก็ได้มีระบบ AI เป็นผู้ควบคุมระบบต่างๆ

เมื่อพูดถึงการทำงานของตึกแบบอัตโนมัติ อุปกรณ์ Computer vision และ IoT สามารถนำมาใช้กับระบบอัตโนมัตินี้ได้ ระบบ AI สามารถปรับระบบโครงสร้างได้ตามจำนวนผู้อยู่อาศัย เวลาในแต่ละวัน และอื่นๆ รวมถึงองค์กรสามารถระบุได้ว่าการใช้พลังงานของตึกได้ประสิทธิภาพสูงสุดแล้วหรือยังได้อีกด้วย

8.การผลิต

7-6.png (201 KB)

ภาพประกอบ : Canva

ด้วยผลของระบบการคาดการณ์แบบอัจฉริยะ เซนเซอร์ที่ถูกติดไว้บนเครื่องจักรสามารถคาดการณ์ได้ว่าเครื่องจักรจะต้องมีการบำรุงรักษาเมื่อไหร่ นอกจากนั้นระบบ AI ยังสามารถทำให้บริษัทมีข้อมูลในการนำข้อมูลไปวิเคราะห์ประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตได้ ตัวอย่างเช่น บริษัท ไฮเนเก้น (Heineken) ใช้นำ data analytics มาใช้ในการวิเคราะห์ในทุกๆขั้นตอนของกระบวนการผลิต ตั้งแต่เรื่อง Supply chain จนถึงการบริหารสินค้าคงคลังในการนำสินค้าไปจัดวางบนเชลฟ์การขาย รวมถึงในโรงงานเองการใช้การตรวจสอบด้วยภาพทำให้ช่วยยกระดับเรื่องของการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอีกด้วย

9.ประสบการณ์ของลูกค้า

8-5.png (165 KB)

ภาพประกอบ : Canva

การยกระดับการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้านั้นเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่เทคโนโลยี AI และ Big Data ได้ถูกนำมาใช้ในธุรกิจในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Burberry (แบรนด์ Luxury ชื่อดัง) ได้นำทั้ง 2 เทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มยอดขาย และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า

เมื่อลูกค้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน หรือซื้อออนไลน์ บริษัทสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้ผ่าน Loyalty Program และหลังจากนั้นบริษัทสามารถนำข้อมูลลูกค้าที่ได้มาใช้ในการนำเสนอสินค้าและบริการที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายได้ และอีกหนึ่งรูปแบบที่สามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้ลูกค้าคือการนำแชทบอทเข้ามาใช้งาน

ในปัจจุบัน AI สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้เหมือนกับคุยกับมนุษย์จริงๆ และสามารถให้คำตอบได้อย่างแม่นยำเนื่องจากการพัฒนาของเทคโนโลยี Deep learning และมีโซลูชั่น AI อีกหลายรูปแบบที่ธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้งานได้ เช่น

  • การรับรู้คำพูด และคำศัพท์
  • แชทบอท
  • การค้นหาความรู้ในฐานข้อมูลเอกสาร (Text mining)
  • การหา และดึงข้อมูลที่ต้องการ

10.บัญชี และการเงิน

10-4.png (170 KB)

ภาพประกอบ : Canva

จากข้อมูลของ Accenture บริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง เทคโนโลยี Robotic Process Automation หรือ RPA สามารถสร้างผลตอบรับที่น่าทึ่งให้กับสายงานบัญชี และการเงิน เนื่องจากจะทำให้คนที่อยู่ในสายงานบัญชี และการเงินไม่ต้องทำงานที่ต้องทำแบบซ้ำๆ และมีเวลาไปโฟกัสในงานที่สำคัญกว่าได้ รวมทั้งลดความผิดพลาดในการทำงานได้อีกด้วย

รวมทั้ง AI ยังสามารถควบคุมการสื่อสารผ่าน Natural language processing หรือการเข้าใจภาษาธรรมชาติและเจตนาของมนุษย์ ทำให้สามารถรายงานผลการดำเนินงานทางการเงินได้แบบเรียลไทม์

โดยสรุปแล้วนั้นเทคโนโลยี AI ช่วยลดความผิดพลาดในการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ

11.E-Commerce 

11-3.png (141 KB)

ภาพประกอบ : Canva

AI ได้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในบริษัทที่ทำ E-Commerce ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาแบบอัจฉริยะ การแนะนำสินค้า การใช้ราคาแบบยืดหยุ่น เป็นรูปแบบการใช้งาน AI ยอดฮิตที่ถูกนำไปใช้ในบริษัทที่ทำ E-Commerce และการได้ข้อมูลเชิงลึกโดยใช้เทคโนโลยี AI ไม่เพียงแต่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกจิเท่านั้น 

เมื่อพูดถึงความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรม และความชื่นชอบของลูกค้า ข้อมูลยอดขายถือเป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก โดยมีหลายบริษัทที่ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูล และสามารถใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์ และเพิ่มยอดขาย รวมถึงพัฒนาด้านการให้บริการลูกค้าได้อีกด้วย ที่สำคัญที่สุดคือข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมลูกค้าสามารถนำมาใช้ได้อย่างเกินความความคาดหมายในแง่ของความแม่นยำ และความสัมพันธ์กันกับธุรกิจ

ธุรกิจ E-Commerce เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างมหาศาลที่ช่วยในการคาดการณ์สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่ซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ขึ้นอยู่กับความสามารถของแพลตฟอร์มว่าสามารถนำเสนอสินค้าที่ลูกค้าต้องการ และมีแนวโน้มว่าต้องการได้หรือไม่ และอีกหนึ่งประโยชน์สำคัญของแพลตฟอร์มออนไลน์คือสามารถนำเสนอสินค้าได้ตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละราย ซึ่งถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่ชี้ถึงความสำเร็จของแพลตฟอร์ม E-commerce ได้

12.AI ในการบริหารจัดการธุรกิจ

12-2.png (191 KB)

ภาพประกอบ : Canva

AI สามารถเข้าไปช่วยได้ในทุกมิติของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการจัดประเภทอีเมล์ที่เข้ามา จนถึงการตอบอีเมล์ได้อย่างรวดเร็ว ผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri ,Google Now และอุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆ สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกได้แบบอัตโนมัติ และช่วยเรื่องตรวจตราความปลอดภัย นี่คือตัวอย่างประโยชน์ของเทคโนโลยี AI ที่ช่วยธุรกิจได้

ตัวอย่างต่อไปนี้คือตัวอย่างการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจ

  • ฟิลเตอร์จัดการอีเมล์สแปม
  • การแยกประเภทอีเมล์ให้อัตโนมัติ
  • ฟีเจอร์การแปลงเสียงเป็นตัวหนังสือ
  • ผู้ช่วยอัจฉริยะ เช่น Siri, Cortana และ Google Now
  • การตอบคำถาม และให้บริการลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ
  • กระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ
  • การคาดการณ์ยอดขาย
  • การรักษาความปลอดภัย
  • ข้อมูลเชิงลึกแบบอัตโนมัติ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ

13.Cybersecurity

13-1.png (158 KB)

ภาพประกอบ : Canva

Cybersecurity หรือความมั่นคงและปลอดภัยทางไซเบอร์ไม่ได้เป็นความรับผิดชอบของเทคโนโลยี AI ตั้งแต่เริ่มแรก เนื่องจากกระบวนการป้องกันนั้นมีการใช้เพียงอัลกอริทึ่มแบบขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่เมื่อการทำธุรกิจในปัจจุบันมีความซ้ำซ้อนมากขึ้น จึงต้องการการป้องกันที่ซับซ้อนมากขึ้นตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น การใช้เอกสารที่ปลอมแปลงมาใช้ในการทำธุรกรรม แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้

แต่ด้วยความสามารถของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่มีเทคโนโลยี AI อยู่เบื้องหลังในปัจจุบัน และระบบที่มีการป้องกันที่ซับซ้อนมากขึ้นทำให้สามารถป้องกันพฤติกรรมที่น่าสงสัยได้ และป้องกันให้ระบบมีความปลอดภัย ซึ่งด้วยความสามารถของเทคโนโลยี Machine learning ทำให้องค์กรมีทางเลือกในการรักษาคามปลอดภัยให้กับระบบมากขึ้น

สรุป

เทคโนโลยี AI ได้ถูกไปใช้ในหลากหลายฟังก์ชั่นงานของธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน ลดความผิดพลาดในการทำงาน และทำให้การวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลจำนวนมากทำได้โดยง่าย และรวดเร็วเพื่อนำข้อมูลเชิงลึกที่ได้มาใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ส่งผลทำให้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถ และสร้างศักยภาพในการแข่งขันให้กับธุรกิจได้ในระยะยาวอีกด้วย

 

บทความอื่น

API คืออะไร และกำลังเปลี่ยนแปลงโลกของการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างไร

อ่านต่อ

10 เหตุผลที่ธุรกิจควรใช้เทคโนโลยี OCR

อ่านต่อ

พัฒนากลยุทธ์เทคโนโลยี AI อย่างไร? เพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุดให้กับธุรกิจของคุณ

อ่านต่อ

This website uses cookies

We use cookies to improve user experience, personalize ads, and analyze our traffic. We also share information about your use of our site with our social media, advertising and analytics partners.