รวม 8 รูปแบบของเทคโนโลยี AI ที่นิยมนำมาใช้กับการพัฒนา Mobile Application | AI GEN
BLOG - รวม 8 รูปแบบของเทคโนโลยี AI ที่นิยมนำมาใช้กับการพัฒนา Mobile Application | AI GEN

รวม 8 รูปแบบของเทคโนโลยี AI ที่นิยมนำมาใช้กับการพัฒนา Mobile Application

22 ก.ย. 2564 02:05 น.

เทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในแวดวงของการพัฒนาแอปพลิเคชันในปัจจุบัน รวมถึงเทคโนโลยี AI ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การผลิต การแพทย์ และการทำธุรกิจผ่านทาง Mobile application หรือแอปพลิเคชันบนมือถือ 

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้การนำระบบ AI มาใช้งานบน Mobile application สามารถทำได้ง่ายมากขึ้น  และสามาถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Mobile application ได้ในหลากมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้แพทเทิร์นพฤติกรรมการใช้งานแอปพลิเคชันของผู้ใช้งาน ตอบคำถามได้เหมือนกับการพูดคุยกับมนุษย์ การตัดสินใจได้แบบอัตโนมัติ การจัดการงานที่ต้องทำแบบเดิมๆได้อย่างรวดเร็ว และมีความแม่นยำสูง

รวมทั้งจากรายงานสถิติ Thailand Digital Stat ปี 2021 จาก We Are Social พบว่าคนไทยใช้เวลาออนไลน์บนมือถือมากขึ้นถึง 25% รวมเป็นเวลาถึง 58,810 ชั่วโมงรวมถึงมีการดาวน์โหลดแอปต่างๆเพิ่มขึ้นกว่า 2.15 พันล้านครั้ง ซึ่งคิดเป็นยอดการใช้เงินบนแอปรวมถึง 840 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบ 3 หมื่นล้านบาท

ดังนั้นการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในยุคดิจิทัลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานให้กลับมาใช้งานแอปพลิเคชันอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจในระยะยาวได้

วันนี้ AI GEN ได้รวบรวม 8 รูปแบบเทคโนโลยี AI ที่นักพัฒนา Mobile Application นิยมนำมาใช้กับแอปพลิเคชันบนมือถือ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เข้ามาใช้งานแอปพลิเคชัน จนทำให้ผู้ที่เข้ามาใช้งานไม่อยากเปลี่ยนไปใช้แอปพลิเคชันอื่น

1.เทคโนโลยีรู้จำเสียงพูด (Speech Recognition Technology)

1-8.png (190 KB)ภาพประกอบ : Canva

หนึ่งในรูปแบบของเทคโนโลยี AI ที่ถูกนำมาใช้ในแอปพลิเคชันบนมือถือมากที่สุดในเรื่องของระบบการควบคุมเสียง คือการรู้จำเสียงพูด (Speech Recognition) ตัวอย่างเช่น Siri จาก Apple หรือ Cortana จาก Microsoft ได้ทำการถอดรหัส และแปลงเสียงพูดของมนุษย์ให้อยู่ในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้

หลายบริษัทที่มีการพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือได้มีการนำฟีเจอร์ Speech recognition เข้าไปอยู่ในแอปพลิเคชันด้วย เพื่อตอบโจทย์กับพฤติกรรมของผู้ใช้งานในปัจจุบันที่นิยมการใช้งานสั่งงานด้วยเสียงผ่านอุปกรณ์ต่างๆกันมากขึ้น โดย Statista ได้คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดของการสั่งงานด้วยเสียงจะสูงถึง 8 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2023

2.แชทบอท (Chatbot)

2-7.png (130 KB)ภาพประกอบ : Canva

แชทบอทถือเป็นเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อนำมาใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันเกี่ยวกับธุรกิจ เนื่องจากแชทบอทจะช่วยทำการสื่อสารกับลูกค้าที่เข้ามากรอกฟอร์มในเว็บไซต์ และสอบถามคำถามเกี่ยวกับบริษัทได้แบบเรียลไทม์ แชทบอทมีเทคโนโลยี AI เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยแชทบอทสามารถสนทนากับผู้ใช้งานได้เหมือนผู้ใช้งานสนทนากับมนุษย์ หลายบริษัทชื่อดังระดับโลกได้มีการนำแชทบอทมาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Apple, Amazon Microsoft และ IBM เป็นต้น

3.เทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing Technology)

3-10.png (207 KB)ภาพประกอบ : Canva

ถ้าบริษัท หรือองค์กรของคุณกำลังพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อใช้ในการให้บริการลูกค้า มีความเป็นไปได้ที่แอปพลิเคชันขององค์กรคุณต้องมีการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติ หรือ NLP เช่นแอปพลิเคชันที่ใช้ในการสร้างรายงาน และการรีวิวสภาพตลาดต้องมีการใช้งานเทคโนโลยี AI รูปแบบนี้ในแอปพลิเคชัน

4.การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning)

4-5.png (126 KB)ภาพประกอบ : Canva

เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของเทคโนโลยียอดฮิตที่ถูกนำไปใช้ในการสร้าง Mobile application โดยเฉพาะในระดับองค์กร การมีแอปพลิเคชันที่มีความสามารถด้าน Machine Learning ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเทคโนโลยี Machine learning เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์อย่างมากในการจัดประเภท และการคาดการณ์ในสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากธุรกิจของคุณเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ การสร้างแอปพลิเคชันที่มีเทคโนโลยี Machine Learning เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เลย

5.ไบโอเมทริกซ์ (Biometrics)

5-6.png (191 KB)ภาพประกอบ : Canva

เทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์ คือเทคโนโลยีที่สำหรับยืนยันตัวบุคคล โดยผสมผสานเทคโนโลยี ทางด้านชีวภาพ และทางการแพทย์ กับเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันโดยการตรวจวัดลักษณะทางกายภาพและลักษณะทางพฤติกรรม ที่เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละคนมาใช้ในการระบุตัวบุคคลนั้นๆ ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ จึงทำให้มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือสูง ซึ่งถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในแอปพลิเคชันที่ต้องมีการยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันทางด้านการเงิน และแอปพลิเคชันต่างๆของรัฐบาลเพื่อยืนยันการรับสิทธิ์จากรัฐบาล

6.ปัญญาประดิษฐ์ทางอารมณ์ (Emotion Recognition)

6-6.png (165 KB)ภาพประกอบ : Canva

เทคโนโลยี AI ได้นำเสนอวิธีการที่น่าสนใจ คือการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการอ่าน และตรวจจับความรู้สึกของมนุษย์ผ่านทางใบหน้า โดยเทคโนโลยีประเภทนี้ได้นำการประมวลผลภาพแบบก้าวหน้า และข้อมูลเสียงมาใช้ในการตรวจจับความรู้สึกของคนได้ นอกจากนั้นเทคโนโลยี Emotion Recognition ยังช่วยทำให้ตรวจจับประสาทสัมผัสของมนุษย์ได้ด้วยการใช้เสียงสูง หรือเสียงต่ำ และสัญญาณทางคำพูดเป็นนัยๆ ทำให้เทคโนโลยีได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพ

7.การตรวจจับรูปภาพ (Image Recognition)

7-4.png (219 KB)ภาพประกอบ : Canva

การตรวจจับรูปเพิ่มถือเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อย่างมากในการนำมาใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือ เทคโนโลยีการตรวจจับรูปภาพเป็นกระบวนการในการค้นหาวัตถุ หรือสิ่งของในรูปภาพที่เป็นดิจิทัล และวิดีโอ โดยเทคโนโลยีสามารถระบุรูปป้ายทะเบียนรถยนต์ วิเคราะห์กลุ่มผู้ใช้งานผ่านทางการสแกนใบหน้า และวิเคราะห์โรคได้

8.การตรวจจับตัวหนังสือ (Text Recognition)

8-4.png (176 KB)ภาพประกอบ : Canva

หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการประมวลผลภาษาธรรมชาติ หรือ NLP ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการในข่าว ,Search engine หรือตัวอักษร/ข้อความที่เป็นแพทเทิร์นได้ ในปัจจุบันเทคโนโลยีประเภทนี้ได้นำใช้กับระบบป้องกันการทุจริต และความปลอดภัย

ธุรกิจสามารถนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับ Mobile Application อย่างไรได้บ้าง?

สำหรับการนำระบบ AI มาใช้กับแอปพลิเคชันนั้น องค์กรควรคำนึงความสะดวกสบายในการใช้งาน และความตอบโจทย์ผู้ใช้งานเป็นหลัก รวมถึงตอบโจทย์เป้าหมายขององค์กร และจากนั้นจึงทำการตัดสินใจว่าจะนำเทคโนโลยี AI รูปแบบไหนบ้างมาใช้งานในแอปพลิเคชัน ตัวอย่างของการนำเทคโนโลยี AI มาเชื่อมต่อกับ Mobile application มีดังต่อไปนี้

  • ทำให้การค้นหาข้อมูลภายในแอปพลิเคชันเป็นเรื่องง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น
  • เชื่อมต่อการตรวจจับเสียง รูปภาพ และวิดีโอภายในแอปพลิเคชัน
  • เรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน
  • สร้างผู้ช่วยเสมือน (Virtual Assistant) เพื่อให้บริการลูกค้าได้แบบเรียลไทม์
  • การยืนยันตัวตนผ่านทางแอปพลิเคชันผ่านการแสกนใบหน้า และบัตรประชาชน

 

1-6.png (127 KB)

สรุป

การนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับการพัฒนา Mobile application นั้นได้ประโยชน์ทั้งกับผู้ใช้งาน และธุรกิจ ในมุมของผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบายในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น ทำธุรกรรมต่างๆได้ผ่านบนแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมีความปลอดภัยสูง จากการใช้เทคโนโลยี Facial recognition มาใช้ในการยืนยันตัวตนเป็นต้น ในแง่ของธุรกิจเองเมื่อพัฒนาแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานย่อมทำให้ผู้ใช้งานกลับมาใช้งานแอปพลิเคชันอย่างต่อเนื่อง เพิ่ม User Engagement และมีโอกาสจะต่อยอดเรื่องการสร้างรายได้ให้กับองค์กรได้ เรียกได้ว่า Win-Win ทั้งผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน และผู้ใช้งานกันเลยทีเดียว ส่งผลทำให้ธุรกิจสามารถมีข้อมูลไปต่อยอดไปสร้างเป็นสินค้า และบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในอนาคตได้อีกด้วย

บทความอื่น

รู้จักกับเทคโนโลยี Biometrics กับการสแกนใบหน้าแบบอัตโนมัติ

อ่านต่อ

เทคโนโลยี AI กับการประมวลผลเอกสารแบบอัจฉริยะ

อ่านต่อ

12 คำศัพท์ของเทคโนโลยี AI ที่คนทำธุรกิจในยุคนี้ต้องรู้จัก

อ่านต่อ

This website uses cookies

We use cookies to improve user experience, personalize ads, and analyze our traffic. We also share information about your use of our site with our social media, advertising and analytics partners.